วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2556

ผ่าปฏิบัติการเดือด หน่วยนาวิกโยธิน ดับโจรใต้-16ศพ

        ถือเป็นความรุนแรงและดุเดือดที่สุดในรอบ 10 ปีก็ว่าได้ กับปฏิบัติการของคนร้ายที่บุกจู่โจมฐานทหารนาวิกโยธิน อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อกลางดึกวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา   ทั้ง 2 ฝ่ายเปิดฉากยิงปะทะกันอย่างหนัก  แต่เพราะเจ้าหน้าที่ทหารเตรียมพร้อมและรู้จากการข่าวล่วงหน้าว่าอาจตกเป็นเป้าโจมตี จึงวางกำลังป้องกันไว้อย่างดี  ผลที่ตามมาทำให้คนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 16 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่ไม่เกิดความสูญเสียแม้แต่นายเดียว!??




เปิดเบื้องหลังพิชิตโจรใต้


เหตุการณ์การปะทะอย่างหนักและรุนแรงคราวนี้เหลือเชื่อว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตแม้แต่รายเดียว

ไม่ใช่ปาฏิหาริย์ หรือมีพระดีคุ้มครอง หากแต่ก่อนถูกจู่โจม เจ้าหน้าที่ได้รับการข่าวที่เชื่อถือได้ว่ากำลังตกเป็นเป้าโจมตีนั่นเอง

น.ท.ธรรมนูญ วรรณา ผบ.ฉก.นราธิวาส 32 หัวหน้าหน่วยนาวิกโยธิน ระบุว่าเจ้าหน้าที่ทราบข่าวล่วงหน้าว่าอาจเป็นเป้าหมายของคนร้าย จึงเตรียมป้องกันไว้ล่วงหน้า!??

ข่าวสายหนึ่งมาจากมวลชนที่เริ่มเข้าใจการทำงานและเป็นมิตรกับเจ้าหน้าที่มากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากแนวทางของรัฐบาลผ่านศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่มีพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นเลขาธิการ ศอ.บต. ซึ่งใช้ไม้นวมแทนไม้แข็ง

ในช่วงปีเศษๆ ที่ผ่านมา ศอ.บต.เน้นทำกิจกรรม ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และมีสัมพันธ์อันดีกับทั้งผู้นำศาสนา และผู้นำท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นไทยพุทธ หรือไทยมุสลิม

เมื่อมวลชนทราบเบาะแสสำคัญ จึงพร้อมให้ข้อมูลและความร่วมมืออย่างเต็มที่

อีกการข่าวหนึ่งมาจากนายสุไฮดี ตาเห อายุ 31 ปี ครูฝึกกองกำลังติดอาวุธหนึ่งในคนร้ายที่บุกสังหารครูชลธี เจริญชล ครูโรงเรียนบ้านตันหยง ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา

จัดทีม"ซีล"เสริมทัพรับมือ

นายสุไฮดีไม่ได้เจตนาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ เพียงแต่เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ครูฝึกกลุ่มโจรใต้ถูกเจ้าหน้าที่จับตายในพื้นที่จ.ปัตตานี

เจ้าหน้าที่พบหลักฐานสำคัญเป็นแผนผังและเอกสารต่างๆ ที่เตรียมโจมตีฐานปฏิบัติการของทหารในพื้นที่นราธิวาส!!!

ทีมงานคัดกรองและหาข้อมูลความน่าจะเป็น ก่อนให้น้ำหนักไปที่หน่วยนาวิกโยธิน กองร้อยปืนเล็กที่ 2 ฉก.นราธิวาส 32 ว่าจะเป็นเป้าหมายของคนร้าย

เนื่องจากในช่วงระยะหลังๆ หน่วยนาวิกโยธิน ปะทะกับคนร้ายอยู่เนืองๆ ทั้งจับเป็น จับตายแนวร่วมได้หลายราย

ด้วยการข่าวที่น่าเชื่อถือทำให้หน่วยนาวิกโยธิน เตรียมรับมือได้ทันท่วงที

ที่สำคัญนอกจากทหารนาวิกโยธิน ที่ตามปกติถือว่าเป็นหน่วยรบที่เหนือกว่าทหารทั่วไปแล้ว ยังเสริมทัพทีม "ซีล" หรือหน่วยปฏิบัติการพิเศษของนาวิกโยธินเข้ามาอีกด้วย

โดยในทีมซีลมีหน่วยแม่นปืนหรือ "สไนเปอร์" ติดกล้องมองเวลากลางคืน จัดมาเพื่อการนี้

ด้วยความพร้อมขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เมื่อคนร้ายบุกเข้ามา จะพบการต้อนรับอย่างหนักหน่วงและรุนแรงยิ่ง!!!


ปะทะเดือดจับตาย 16 ศพ


   สำหรับเหตุการณ์จู่โจมหน่วยนาวิกโยธิน อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส คนร้ายราว 50-60 คนแบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด ใช้พาหนะรถกระบะ 2 คัน แล้วเคลื่อนตัวเข้าทั้งด้านหน้าและหลังค่ายทหาร

ขณะเดียวกันคนร้ายอีกชุดก็วางกับดักทั้งตะปูเรือใบ ตัดต้นไม้ขวางถนน และซุกระเบิดแสวงเครื่อง เพื่อถล่มเจ้าหน้าที่ซึ่งจะยกกำลังมาช่วย

จนราวตี 1 เศษๆ คนร้ายเริ่มคืบคลานเข้าใกล้เป้าหมาย โดยหารู้ไม่ว่านาวิกโยธินที่มีกำลังมากกว่านั้นเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว

เจ้าหน้าที่ทหารกว่า 100 นาย แบ่งออกเป็น 2 ทีมหลักๆ ชุดหนึ่งเฝ้าเตรียมพร้อมอยู่ภายในค่าย ส่วนอีกชุดแฝงตัวอยู่รอบนอก

เมื่อคนร้ายล่วงลึกเข้าสู่โซนอันตราย และเริ่มเปิดฉากกระหน่ำยิง เจ้าหน้าที่ซึ่งเตรียมพร้อมและตื่นตัวอยู่แต่แรก จึงตอบโต้กลับไปอย่างหนักหน่วง!!!

ราวครึ่งชั่วโมงของการปะทะคนร้ายตายคาที่บริเวณรอบๆ ฐานถึง 14 ศพ ที่เหลือล่าถอยหลบหนี โดยทหารนาวิกโยธิน ออกไล่ล่าและตามเช็กบิลอีก 2 ศพ ก่อนเข้าเคลียร์พื้นที่โดยใช้เวลาทั้งหมดราว 1 ชั่วโมง

ห่างจากถนนเข้าฐาน ประมาณ 50 ม. พบรถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้า สีบรอนซ์ ทะเบียน บค-7968 ยะลา ของคนร้ายจอดอยู่ สภาพรถพรุนจากกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่ ในกระบะหลังพบเป้สนาม 8 ใบ ภายในบรรจุอาวุธปืนพกสั้น ระเบิดแสวงเครื่องชนิดขว้าง โทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้า และเครื่องยังชีพในป่าของคนร้าย

หลังเคลียร์สิ่งกีดขวางได้แล้วก็เข้าสำรวจจุดปะทะพบคนร้ายแต่งกายเลียนแบบทหารสวมเสื้อเกราะ สวมหมวกไหมพรม มีอาวุธปืนอาก้า และเอ็ม 16 นอนตายกระจัดกระจาย!!!


เช็กบิลแกนนำอาร์เคเค


พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าระบุว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 16 รายประกอบด้วย 1.นายมะไพดี ปูเต๊ะ 2.นายมะรอโซ จันทรวดี 3.นายซอบือรี โดตาเยะ 4.นายกาสมัน มะเด็ง 5.นายปรือกิ นิมิง 6.นายสะอุดี อาลี 7.นายรอมือลี ซาเระ

8.นายมะสักกรี สะสะ 9.นายฮาเซ็ม บือราเฮง 10.นายมะนัง บือราเฮง 11.นายอาหะมะ โซะกุนิง 12.นายมะตอเฮ แฉะ 13.นายอับดุลเลาะ โต๊ะม๊ะ 14.นายมะยุดดิน รีรา 15.นาย มัสลัน มะลี และ 16.นายอัสรี รอเป็ง

ทั้งหมดเป็นกลุ่มอาร์เคเค เคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายในพื้นที่ อ.บาเจาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี

ในจำนวนนี้มีระดับแกนนำถึง 5 คน แต่ตัวใหญ่สุดคือนายมะรอโซ จันทรวดี มีค่าหัวสูงถึง 2 ล้านบาท เพราะก่อคดีความมั่นคงหลายคดี อาทิ ลอบวางระเบิดรถยนต์เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.นราธิวาส 32 เสียชีวิต 3 นาย ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 48

คดีลอบวางเพลิงเผาโรงเรียนบ้านบือเจาะ หมู่ 1 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ เมื่อเดือน พ.ค. 50 คดียิงชาวไทยพุทธเสียชีวิต 4 ศพ ในพื้นที่หมู่บ้านฮูแตยือลอ อ.บาเจาะ

ล่าสุดเป็นผู้ร่วมก่อเหตุและสั่งการบุกสังหารโหดนายชลธี ครูโรงเรียนบ้านตันหยง ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ ต่อหน้านักเรียนขณะพักทานอาหารกลางวัน

ส่วนแนวร่วมที่เสียชีวิตครั้งนี้ เช็กประวัติแล้วพบว่าไม่ธรรมดาเลย หลายคนเรียบจบระดับปริญญาตรี ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ สถาบันยอดฮิตของคนในพื้นที่ภาคใต้ ที่นิยมมาเรียนกัน

จึงนับเป็นปัญญาชนที่มีแนวคิดอุดมการณ์อย่างชัดแจ้ง


เยียวยาช่วยครอบครัว


พร้อมกับการเสียชีวิตของคนร้าย เจ้าหน้าที่เร่งเตรียมพร้อม 3 แนวทางด้วยกัน

ทางหนึ่งเจ้าหน้าที่ออกตามล่าตัวพรรคพวกที่เหลือ

ทางหนึ่งเสริมกำลังป้องกันจุดเสี่ยงต่างๆ ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ และ จ.สงขลา เพราะเกรงว่าคนร้ายจะล้างแค้น

และสุดท้ายคือมาตรการ "เยียวยา"

แต่พลันที่คำว่าเยียวยาพูดขึ้นมา ทั้งพรรคฝ่ายค้านและกลุ่มที่ยังไม่ทันฟังความก็เรียงหน้าออกมาถล่ม โวยวายใส่รัฐบาลทำนองว่าจะจ่ายเงินให้กับคนร้าย ถึงกับเปรียบเทียบว่าดูแลโจรใต้ ที่ถูกยิงตาย มากกว่าเจ้าหน้าที่รัฐด้วยซ้ำ!??

ทำให้รัฐบาลและศอ.บต.ต้องชี้แจงว่า การเยียวยาหมายถึงการดูแลครอบครัวของแนวร่วมที่หลงผิดในระดับหนึ่ง ไม่ได้หมายถึงได้สิทธิประโยชน์เทียบเท่าผู้บริสุทธิ์ที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต

การช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรม และเป็นแนวทางเดิมของศอ.บต.ในการดึงมวลชนเข้ามาอยู่กับรัฐ

แม้พวก "สายเหยี่ยว" รวมถึงพวกที่อยากให้ใช้มาตรการรุนแรงจะไม่เห็นด้วย แต่ตัวอย่างจากเหตุการณ์ล่าสุด แสดงให้เห็นถึงแนวทาง "สายพิราบ" ที่รัฐบาลชุดปัจจุบัน และศอ.บต.เดินอยู่นี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง จึงได้การข่าวที่แม่นยำช่วยลดการสูญเสียของเจ้าหน้าที่รัฐไปได้

ที่สำคัญในอดีตที่ผ่านมาแสดงให้เห็นเด่นชัดว่า การใช้ความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลย!??

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น